10 โครงการพระราชดำริ ฯ
10 โครงการพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ความรักและความห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ท่าน
สะท้อนผ่านการทรงงานอย่างหนักเพื่อให้ราษฎร
มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นในทุกด้าน ทุกๆ เดือน ทุกๆ ปี
พระองค์ท่านทรงสร้างโครงการตามพระราชดำริขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนชาวไทย
ได้อยู่กันอย่างผาสุกตลอดไป
1. โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์
จากคลองลัดโพธิ์ในเขตอำเภอพระประแดงจังหวัดสมุทรปราการที่แรกเริ่มเดิมทีขุดขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางลัดระหว่างลำน้ำเจ้าพระยาที่คดโค้งเมื่อขาดการใช้งานมาเป็นเวลานานจึงมีสภาพตื้นเขินและเมื่อถึงฤดูที่ น้ำเหนือไหลหลากหรือมีปริมาณฝนตกชุกการระบายน้ำจึงเป็นไปได้ช้า และเกิดสภาพน้ำาท่วมขังพื้นที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) มีแนวพระราชดำริปรับปรุงคลองลัดโพธิ์โดยจัดทำเป็นโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเร่งระบายน้ำเหนือออกสู่ทะเลช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑลเนื่องจากคลองที่ขุดขยายเป็นการย่นระยะทางและเวลาการไหลของน้ำในบริเวณพื้นที่กระเพาะหมู ที่แต่เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาต้องไหลอ้อมถึง 18 กิโลเมตร ก็สามารถไหลลงทะเลได้รวดเร็วขึ้น ด้วยระยะทางเพียง 600 เมตร ทั้งยังสามารถบริหารจัดการนด้วยการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำให้เหมาะสมและสอดคล้องกับเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงและน้ำทะเลหนุนสูง
ซึ่งกรมชลประทานได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการศึกษาและวิจัยประดิษฐ์กังหันไฟฟ้าพลังน้ำไหลต้นแบบขึ้นมาสองแบบ
คือ แบบหมุนตามแนวแกนและแบบหมุนขวางการไหล
ทั้งยังคำนึงถึงสภาพทางสังคมและชุมชน
นับเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้หลักธรรมชาติเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
ประโยชน์ของการลัดน้ำของคลองลัดโพธิ์ได้สร้างความสุขให้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้ดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ม. 9 ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130
โทร : 0 2464 2058
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 16.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โครงการประตูระบายน้ำาคลองลัดโพธิ์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N13° 39.877’ E100° 32.325’
LAT 13.666776 LONG 100.537085
จากถนนสุขสวัสดิ์
ไปยังถนนนครเขื่อนขันธ์ วิ่งเข้าถึงตลาดพระประแดง
แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรหึงษ์ ตรงไปเรื่อยๆ
ก็จะถึงสวนสุขภาพลัดโพธิ์และโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์
2. โครงการพัฒนาดอยตุง
พระราชดำรัสของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า
ที่ในเวลาต่อมาได้ก่อตั้งเป็นโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน)
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โดยพระองค์ทรงได้รับ แรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 9)
ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยทรงสังเกตเห็นว่าชาวไทยภูเขาส่วนใหญ่ยากจนและขาดโอกาสในการดำเนินชีวิต
พระองค์จึงมีพระราชปณิธานริเริ่มทำเป็นโครงการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ
ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมป์
เพื่อขยายผลการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้มีความรู้ มีอาชีพ
สามารถเลี้ยงตัวเองได้
พร้อมกับพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เคยเสื่อมโทรมบนดอยตุงให้กลับมีความอุดมสมบูรณ์
ด้วยการปลูกป่าและส่งเสริมให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างมีจิตสำนึกและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ
ไม่ใช่แค่การปลูกพืชทดแทน แต่เป็นการพัฒนาที่มีความหลากหลายในการดำรงชีวิตที่ทำได้จริง
โดยเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้ชุมชนดอยตุงสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศูนย์ท่องเที่ยวและบริการ สำนักงานประสานงาน โครงการพัฒนาดอยตุง อาคารอเนกประสงค์ พระตำหนักดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 57000
โทร : 0 5376 7015-7
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
เว็บไซต์ : www.doitung.com , www.doitung.org
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง เชียงราย - โครงการพัฒนาดอยตุง
พิกัดภูมิศาสตร์ : N20° 17.351’ E99° 48.661’
LAT 20.297622 LONG 99.810610
จากอำเภอเมืองเชียงรายไปตามทางหลวงหมายเลข
110 (เชียงราย-แม่สาย) ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร ถึงหลักกิโลเมตรที่
870-871 มีป้ายบอกทางแยกซ้ายพระตำหนักดอยตุง ระยะทางอีก 17 กิโลเมตร
3. โครงการชั่งหัวมัน
เป็นอีกหนึ่งโครงการตามแนวพระราชดำริที่เกิดขึ้นจากความเอาพระราชหฤทัยใส่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 9)
ที่ทรงมีต่อราษฎรให้สามารถนำแนวทางไปดัดแปลงใช้อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อผืนดินของตนเอง
เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
โดยทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินจากราษฎรบริเวณใกล้อ่างเก็บน้ำหนองเสือ
บ้านหนองคอไก่ อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ประมาณ 250 ไร่
ซึ่งผืนดินบริเวณนี้แห้งแล้ง ประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำ
มีพระราชดำริให้ใช้พื้นที่ทั้งหมดจัดทำเป็นโครงการตัวอย่างแบบบูรณาการด้านการเกษตรและปศุสัตว์
ภายใต้ชื่อ “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” โดยสร้างถนน อ่างเก็บน้ำ
อาคาร ติดตั้งระบบไฟฟ้า
พัฒนาปรับปรุงและปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นแปลงปลูกพืชผัก ผลไม้
และสัตว์เลี้ยง ขณะเดียวกันก็พยายามเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
โดยคาดหวังว่าอนาคตที่นี่จะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรที่สมบูรณ์แบบสำหรับประชาชนทั่วไป
โครงการชั่งหัวมัน
1 ม.5 บ้านหนองคอไก่ ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 76130
โทร : 0 3247 2701-2 , 0 3265 3868
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โครงการชั่งหัวมัน
พิกัดภูมิศาสตร์ : N12° 44.699’ E99° 42.330’
LAT 12.747213 LONG 99.703830
จากกรุงเทพฯ
ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านจังหวัดนครปฐม ราชบุรี
ผ่านตัวเมืองเพชรบุรีไปประมาณ 20 กิโลเมตร
ขับผ่านสี่แยกไฟแดงท่ายางมาประมาณ 4 กิโลเมตร พบทางแยกขวามือ
ให้เลี้ยวขวาไปอีก 15 กิโลเมตร แล้วตรงไปสะพานสามแยกไปทางเขาลูกช้าง
จากจุดนี้มีป้ายบอกไปโครงการชั่งหัวมัน ให้ขับตามป้ายไปราว 20 กิโลเมตร
ถึงจุดหมายปลายทางที่โครงการชั่งหัวมัน
4. ศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน
ขาดความอุดมสมบูรณ์ มีการชะล้างพังทลายของดินสูง ดินรองรับน้ำได้น้อย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9)
มีแนวพระราชดำริกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่แห่งนี้จัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน
อันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นแหล่งรวบรวม
ศึกษา ทดลอง วิจัย
และพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ทางการเกษตรให้เป็นศูนย์ด้านเกษตรกรรมที่สมบูรณ์แบบด้วยวิธีการเกษตรแผนใหม่
ทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า การพัฒนาที่ดิน
การวางแผนปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสพึ่งพาตนเองได้
อีกทั้งยังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตและเป็นศูนย์รวมการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ
ถือเป็นต้นแบบแนวทางและตัวอย่างการพัฒนาให้แก่พื้นที่อื่นได้อย่างยั่งยืน
7 ม.2 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา 24120
โทร : 0 3855 4982-3
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.
เว็บไซต์ : www.khaohinsorn.com
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - ศูนย์ศึกษาพัฒนาเขาหินซ้อน
พิกัดภูมิศาสตร์ : N13° 45.210’ E101° 30.131’
LAT 13.753684 LONG 101.500191
จากกรุงเทพ
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 ไปทางมีนบุรี มุ่งสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา
ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร จากตัวเมืองฉะเชิงเทราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304
ไปทางอำเภอพนมสารคาม บริเวณกิโลเมตรที่ 51 - 52
5. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน
(รัชกาลที่ 9) มีพระราชดำริแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เมื่อ พ.ศ.
2524 ความว่า
“…ให้พิจารณาพื้นที่เหมาะสม จัดทำโครงการพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตรในเขตที่ดินชายฝั่งทะเลจันทบุรี…”
ที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสม กำหนดบริเวณตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่
ให้เป็นพื้นที่จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนขึ้น
เพื่อดำเนินการศึกษา สาธิต
และพัฒนาที่ดินชายฝั่งทะเลอ่าวคุ้งกระเบนและพื้นที่ใกล้เคียง
ด้วยการวางแผนพัฒนาจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เหมาะสมและยั่งยืนอย่างมีระบบ
ตั้งแต่การศึกษาทดลอง วิจัย ทดสอบ สาธิต ขยายผล และการบริหารจัดการ
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสู่ประชาชนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
เป็นศูนย์กลางในการอบรมเผยแพร่ผลการศึกษา การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง
พัฒนาด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มผลผลิต
ตลอดจนพัฒนากิจกรรมอื่นๆ แบบบูรณาการควบคู่ไปด้วย
พร้อมทั้งอนุรักษ์ฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศ
ส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับศักยภาพเชิงวัฒนธรรมและวิถีชุมชน
เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับประชาชน
เป็นการท่องเที่ยวเชิงพัฒนาที่นอกจากจะได้รับความเพลิดเพลินแล้ว
ยังสามารถนำไปปฏิบัติตามได้ ทำให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในปี 2543
และรางวัลดีเด่นในปี 2545 ประเภทองค์กรส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว
ในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี 22120
โทร : 0 3943 3216-8
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน
พิกัดภูมิศาสตร์ : N12° 34.217’ E101° 54.000’
LAT 12.571604 LONG 101.895685
จากกรุงเทพฯ
ใช้ถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรี จนถึงช่วงหลักกิโลเมตรที่
301-302 ให้เลี้ยวขวาที่เเยกหนองสีงา
จากนั้นวิ่งตรงเข้ามาตามเส้นทางหลักเรื่อยๆ อีกประมาณ 27 กิโลเมตร
ซึ่งจะผ่านทั้งวัดวังหิน วัดรำพัน วัดท่าศาลา
และเมื่อถึงทางแยกที่ตัดกับทางจะไปหาดคุ้งวิมาน ก็ให้เลี้ยวซ้าย
มุ่งหน้าตรงไปสักระยะจะมีป้ายบอกจุดหมายคือศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอยู่เป็นระยะ
6. สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ สถานีวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวงอีกแห่งหนึ่งที่ดำเนินงานวิจัยด้านไม้คัดดอก
ไม้ประดับ พืชผัก ผลไม้ และงานประมงบนพื้นที่สูง
รวมทั้งถ่ายทอดผลงานวิจัยที่จะนำไปสู่การส่งเสริมอาชีพเพื่อให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาเผ่าปกาเกอะญอและเผ่าม้งมีรายได้
พร้อมกับการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานด้านสังคมและการอนุรักษ์ป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร
โดยมุ่งวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
ส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชนบนพื้นที่สูง รักษาสภาพแวดล้อม
และเป็นแหล่งการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาชีวิตอย่างยั่งยืน
ทางสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ยังมุ่งเน้นพัฒนาด้าน ส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชภายใต้ระบบมาตรฐานอาหารปลอดภัย
ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพภาคการเกษตรทั้งพืชผักอินทรีย์ ไม้ผลขนาดเล็ก
ไม้ผลเขตหนาว ไม้ผลเขตร้อน กาแฟ พืชไร่ และดอกไม้แห้ง
ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพนอกภาคการเกษตร
ได้แก่ การพัฒนาด้านความเข้มแข็งและคุณภาพขององค์กร ชุมชน
ตามปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9)
รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของชุมชนด้านการท่องเที่ยวด้วย
202 ม.7 หมู่บ้านขุนกลาง ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 50160
โทร : 0 5328 6771-2 ต่อ 14-15, 08 0769 1944
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์
การเดินทาง เชียงใหม่ - สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N18° 32.637’ E98° 31.065’
LAT 18.542621LONG 98.517207
จากอำเภอเชียงใหม่ใช้เส้นทางสายเชียงใหม่-ฮอด
ตามทางหลวงหมายเลข 108 ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 57
ซึ่งอยู่ก่อนถึงตัวอำเภอจอมทอง ประมาณ 1 กิโลเมตร
จะมีทางแยกขวามือเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 (สายจอมทอง-อินทนนท์)
ไปตามเส้นทางสายนี้จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 31 มีทางแยกขวามือบ้านขุนกลาง
เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
รวมระยะทางจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ถึงสถานีฯ ราว 91 กิโลเมตร
7. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์
(รัชกาลที่ 9) ที่ทำการวิจัย ทดสอบ
ค้นหาสายพันธุ์ของพืชที่สามารถต้านทานโรค เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่และฤดูกาล
ให้ผลิตผลที่ดีมีคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดแนะนำ
ส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรชาวไทยภูเขาเผ่าปกาเกอะญอหรือเผ่ากะเหรี่ยงให้มีรายได้เลี้ยงชีพแบบพออยู่พอกิน
ด้วยการปลูกพืชผัก ผลไม้ เลี้ยงสัตว์
รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านสังคม การศึกษา สาธารณสุข
ความเข้มแข็งของชุมชน และฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
และวัฒนธรรมประเพณีของชนเผ่าให้คงอยู่ตลอดไป
ม.7 ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ 58130
โทร : 0 5331 8325 , 08 4365 5405
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง เชียงใหม่ - ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N19° 04.165’ E98° 17.500’
LAT 18.935673 LONG 98.373324
จากอำเภอเมืองเชียงใหม่
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 เข้าสู่อำเภอแม่ริม มุ่งไปยังทางหลวงหมายเลข
1096 ผ่านอำเภอสะเมิงไปบ้านบ่อแก้ว เข้าสู่บ้านวัดจันทร์ รวมระยะทางราว 154
กิโลเมตร
8. โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
จังหวัดสระแก้ว ที่ นายสมจิตต์ และนางมณี อิ่มเอย น้อมเกล้าฯ
ถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงเรียนกาสรกสิวิทย์
ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เป็นศูนย์กลางการใช้ประโยชน์จากกระบือในด้านเกษตรกรรมระดับพื้นบ้าน
และเป็นสถานที่สำหรับฝึกกระบือให้สามารถไถนาและทำงานด้านการเกษตรกรรมร่วมกับชาวนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อมีนักเรียนเข้ามาฝึกกับปราชญ์ท้องถิ่นภายในโรงเรียน
ก็จะมีการเบิกกระบือออกมาจากธนาคาร
เพื่อให้กระบือตัวนั้นมาเรียนรู้ ร่วมไปกับนักเรียน
อีกทั้งยังให้ความรู้ในเรื่องของวิถีชีวิตชุมชน วัฒนธรรมการเกษตรท้องถิ่น
ความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านที่เรียบง่าย
และการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 9)
เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันพร้อมกับดูแลสภาพแวดล้อมและรักษาธรรมชาติให้สามารถอยู่ร่วมกัน ได้อย่างยั่งยืน
999 ต.ศาลาลำดวน อ.เมืองฯ จ.สระแก้ว 27000
โทร : 0 3724 4657
เว็บไซต์ : www.kasorn.com
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N13° 51.340’ E102° 01.160’
LAT 13.859060 LONG 102.018866
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข
1 (พหลโยธิน) ถึงรังสิต แล้วใช้สะพานวงแหวน แยกขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 305
เลียบคลองรังสิต ผ่านอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก
แล้วแยกขวาใช้เส้นทางหมายเลข 33 ผ่านอำเภอกบินทร์บุรี
อยู่ก่อนถึงจังหวัดสระแก้วประมาณ5 กิโลเมตร
9. โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
เปรียบเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เมื่อกาลเวลา ผ่านไป
กลับประสบปัญหาหลายประการ ด้วยสาเหตุจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
ประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สภาพดินมีปัญหา นิเวศแหล่งน้ำขาดสมดุล
เกิดปัญหาอุทกภัย
น้ำเค็มรุกเข้าไปในแม่น้ำปากพนัง ทำให้ชาวบ้านใช้น้ำในการอุปโภค
บริโภคไม่ได้
ปัญหาของดินเปรี้ยวรวมทั้งน้ำเน่าเสียจากพื้นที่ทำนากุ้ง ไหลลงสู่ลำน้ำต่างๆ
จนไม่สามารถนำน้ำไปใช้ในการเพาะปลูกได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 9) จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ขึ้นเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยพลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์เพื่อให้กลับคืนสู่พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้ราษฎรในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่และยั่งยืน
มีการน้ำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำมาใช้
มีการปรับปรุงบำรุงดินเพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นเป็นการสร้างรายได้
ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินให้แก่เกษตรกรได้มีส่วนร่วมและรับผิดชอบในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทรัพยากรที่ดินอย่างจริงจังและ ต่อเนื่อง
ส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตข้าวและการเกษตรในพื้นที่โครงการฯ
ให้เป็นแหล่งผลิต พันธุ์พืชที่เคยเป็นมาในอดีตให้กลับคืนมาสู่ประชาชนลุ่มน้ำปากพนังเพื่อความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนต่อไป
โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำาปากพนัง
ม.5 ต.หูล่อง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช 80140
โทร : 0 7541 6127-8
เปิดทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำาปากพนัง
พิกัดภูมิศาสตร์ : N8° 19.036’ E100° 12.222’
LAT 8.313882 LONG 100.190779
จากกรุงเทพฯ
ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี - ปากท่อ) เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4
ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงชุมพร
แล้วเปลี่นมาใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอทุ่งสง อำเภอร่อนพิบูลย์
จนถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช จากตัวเมืองนครศรีธรรมราช
ไปตามเส้นทางนครศรีธรรมราช-ปากพนังประมาณ 26 กิโลเมตร
ถึงสามแยกใกล้ทางไปสะพานปลาให้เลี้ยวขวาไปทางสะพานปากพนัง ก่อนขึ้นสะพาน
ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตรภึงสี่แยกเลี้ยวขวาไปตามถนนปากพนัง-เชียรใหญ่
ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำาปากพนัง
10. โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
มากมายด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด
กับภูมิทัศน์รอบด้านที่สวยงามด้วยธรรมชาติของสายน้ำต้นไม้
และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
หรือโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เขื่อนแกนดินเหนียว ขนาดยาวที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ในโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9)
ที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยกักเก็บน้ำจากแม่น้ำป่าสัก
ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ในจังหวัดเลย เพื่อป้องกันอุทกภัยและภัยแล้ง
เป็นประโยชน์ต่อการเกษตรกรรม
การอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่จังหวัดลพบุรี สระบุรี
และจังหวัดใกล้เคียง มีความยาว 4,860 เมตร สูงราว 36.50 เมตร
บ้านหนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 15140
โทร : 0 3649 4243
เปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
ฤดูกาลท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง กรุงเทพฯ - โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
พิกัดภูมิศาสตร์ : N14° 51.931’ E101° 03.841’
LAT 14.861348 LONG 101.063221
ใช้ทางหลวงหมายเลข
1 (ถนนพหลโยธิน) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21
ผ่านจังหวัดสระบุรีไปประมาณ 33 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3017
อีกราว 17 กิโลเมตร ถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์